เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนสีเขียว @วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 มูลนิธิสัมมาชีพ นำโดยคุณอารีย์ คงแจ่ม รองผู้อำนวยการมูลนิธิสัมมาชีพ พร้อมด้วยนางสาวจิราวดี อยู่สบาย เจ้าหน้าที่สื่อสาร มูลนิธิสัมมาชีพ ลงพื้นที่ประชุมร่วมกับแกนนำชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ถึงแนวทางการดำเนินงานโครงการ ส่งเสริมการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนสีเขียว (Green Community Tourism ) โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิสัมมาชีพ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ มูลนิธิสัมมาชีพได้ร่วมพูดคุยกับแกนนำกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกเมือง ซึ่งเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนงานให้บริการการท่องเที่ยวฯ และได้ลงสำรวจพื้นที่ กิจกรรมการท่องเที่ยว โดยที่ประชุมได้มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สถานการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน ซึ่งมีกระแสการท่องเที่ยวตามแนวทาง BCG เพื่อการสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ อันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน ที่มากระทบต่อวิถีชีวิตของการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ และนโยบายการส่งเสริมได้มุ่งเน้นถึงการพัฒนาที่คำนึงถึงความยั่งยืน นั้นหมายถึงการลด ละ เลิก กิจกรรมต่างๆที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวนับเป็นกิจการที่ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศ และที่สำคัญคือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับคนในประเทศ การท่องเที่ยวชุมชนนับเป็นกิจการของชุมชนที่มีการบริหารจัดการโดยชุมชน และเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างแท้จริง
และครั้งนี้ชุมชนก็ได้ตระหนักถึงการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง BCG และได้แลกเปลี่ยนถึงผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการของกลุ่มที่เน้นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกเมือง มีการจัดการท่องเที่ยวเน้นประวัติศาสตร์มีปราสาทเมืองต่ำ และบารายใหญ่ (สระน้ำขนาดใหญ่) เป็นจุดขายสำคัญให้กับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญชุมชนบ้านโคกเมือง ตั้งอยู่ไม่ไกลกับปราสาทเขาพนมรุ้ง ซึ่งห่างกันประมาณ 8 กิโลเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ทั้ง 2 แห่งในครั้งเดียว
จากศักยภาพพื้นที่ชุมชนบ้านโคกเมืองจึงมีการรวมตัวและจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยปัจจุบันมีบ้านพักโฮมสเตย์ ประมาณ 8 หลัง แต่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 40-50 คน
และกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกเมืองได้เชื่อมร้อยกับกลุ่มต่างๆ ทดลองทำแปลงปลูกผัก ทำนา หัดทอเสื่อกก กลุ่มทอผ้าไหม ดูวิถีชีวิตของชุมชนใส่บาตรยามเช้าหน้าบ้านพักโฮมสเตย์ ชมตลาดเช้า-เย็น ชิมรสชาตอาหารพื้นถิ่นที่ร้านเชฟชุมชน เมนูยำกุ้งจ่อม ซึ่งชุมชนแนะนำให้มาทานที่ชุมชนจะเป็นการยำใหม่สดรสชาติจะดีมาก ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน
ส่วนวันที่ 25 มิถุนายน 2567 เจ้าของบ้านพักโฮมสเตย์ ได้พาปั่นจักรยานไปดูเส้นทางและจุดท่องเที่ยวต่างๆของชุมชน เช่น ปราสาทเมืองต่ำ กุฎฤาษี จุดเช็คอินตาลคู่ บารายใหญ่ และตลาดนัดยามเช้าซึ่งเป็นตลาดที่ชุมชนนำของพื้นถิ่น และผักสดที่ปลูกเองมาวางจำหน่าย
จากการลงพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกเมืองยังมีความต้องการการพัฒนาเรื่องคุณภาพอาหารซึ่งอยากเก็บอายุยำกุ้งจ่อมให้ได้นานมากขึ้น เพื่อเป็นของฝากให้กับนักท่องเที่ยว และอยากพัฒนากลุ่มเสื่อกก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการให้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และการตลาด และชุมชนต้องการยื่นขอมาตรฐาน STAR STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่รับรองว่าชุมชนได้ปฏิบัติตามมาตรการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และสังคมต่อไป