อุตสาหกรรม 4.0 ก้าวทัน ก้าวไกล ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้เกียรติบรรยายหัวข้อ “อุตสาหกรรม 4.0 ก้าวทัน ก้าวไกล ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ในโครงการอบรมหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 9 จัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพ มีสาระน่าสนใจดังนี้
วันนี้ผมจะพูดถึงประเทศไทยจะปรับเปลี่ยนอย่างไร โดยสรุปแล้วกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการใน 2 เรื่องหลักๆ คือ 1) การพัฒนาคน 2) การพัฒนาพื้นที่สู่อุตสาหกรรมใหม่ แต่เราต้องเข้าใจตรงกันประการหนึ่งว่า เมื่อพูดถึงกระทรวงอุตสาหกรรม อย่าเข้าใจว่างานของเราเกี่ยวเนื่องเฉพาะโรงงาน แต่งานของเรารวมถึงการทำงานกับภาคเกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ต้องส่งเสริมพร้อมกันไป โดยเรื่องที่ประเทศไทยทุกวันนี้ เห็นตรงกันว่าเราต้องปรับตัว แต่ปัญหาคือ เราจะต้องปรับตัวอย่างไร สำหรับรัฐบาลเองยิ่งต้องคิดมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศมั่นคง มีการเติบโตอย่างยั่งยืน อาจพูดได้ว่าต้องมีปัจจัยต่างๆ มาประกอบ “ความพร้อมมี โอกาสมา ความสงบมี เศรษฐกิจชัดเจนฟื้น แต่ต้องเร่งการกระจายตัว”
ปัจจัยเกื้อหนุน
สำหรับปัจจัยเกื้อหนุน มีดังนี้
- ความเด่นของภูมิภาค ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การค้าในทุกระดับของเราเกี่ยวเนื่องกับการค้าในระดับโลก และเอเชียเป็นที่สนใจ รวมทั้งประเทศไทยเราก็เป็นที่สนใจของการค้าโลก ซึ่งต่างจากช่วงสิบปีที่ผ่านมา เรามีข้อดีในแง่ที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางและธุรกิจมีการยึดโยงกัน โดยเฉพาะอาเซียน เป็นตลาดใหม่
- เทคโนโลยีเกื้อหนุน เทคโนโลยีดิจิตอล จะทำให้คนตัวเล็กที่มีฝีมือสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น ทำให้โอกาสมาถึง แต่เราก็ต้องทำตัวให้พร้อม
รัฐบาลคุยกันมา 3 ปี ถึงการเปลี่ยนประเทศ นี่แหละเป็นที่มาของการปฏิรูปประเทศซึ่งต้องทำอย่างมีทิศทางและต่อเนื่อง เราต้องไปพร้อมๆกัน จึงนำไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ 20 ปี
ยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี วางเป้าหมาย 3 ด้าน คือ
- สร้างฐานความเจริญใหม่ ให้มีองค์ประกอบใหม่ และกระจายความเจริญไม่ให้กระจุกตัว
- เพิ่มขีดความสามารถ เราต้องเพิ่มความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ รายใหญ่ต้องเอื้อรายเล็ก SME ต้องโต ต้องเพิ่มความสามารถของสตาร์ทอัพ ปัจจุบันการลงทุนใหม่มีเพียง 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้น
- กระจายความเจริญเติบโตอย่างทั่วถึงและครอบคลุม โครงสร้างพื้นฐานต้องกระจายตัวเพื่อให้ท้องถิ่นเข้าถึงการแข่งขัน โครงสร้างที่จำเป็นสำหรับระบบดิจิตอลต้องสามารถเข้าถึงได้
การดำเนินการขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่ในยุค 4.0
เราต้องดำเนินงานมีอยู่ หลายเรื่องด้วยกัน คือ
- ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทั่วไทย โครงสร้างพื้นฐานต้องกระจายตัวเพื่อให้ท้องถิ่นเข้าถึงการแข่งขัน โครงสร้างสำหรับระบบดิจิตอลต้องสามารถเข้าถึงได้ทั้ง Hard ware และในส่วน content ระบบการติดต่อการคมนาคม ตอนนี้ทางรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณในเรื่องนี้ 24,000 ล้านบาท ระบบสาธารณูปโภค ที่จำเป็น โดยค่าใช้จ่ายต้องเป็นเรื่องที่ประชาชนรับได้ ระบบรถไฟ เพื่อการเดินทาง และการขนของต้องสะดวก
- พัฒนาชุมชนและพื้นทีเพื่อสร้างความเข้มแข็งภายใน เราต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ต้องเข้มแข็งจากพื้นที่ ในเชิงพื้นที่ เรามีพื้นที่พิเศษคือ EEC เรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่ง และมีเครือข่ายประชารัฐอย่างกว้างขวาง ไม่รออุตสาหกรรมใหม่อย่างเดียว การพัฒนาเน้นพื้นที่ ในขณะนี้กระทรวงทำงานกับหมู่บ้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวหลายแห่ง การเข้าถึงการดำเนินการนี้ หมู่บ้านต้องมีการพัฒนามาก่อน แล้วต้องสมัครเข้ามาสู่กระบวนการพัฒนาต่างๆ โดยเราจะจับคู่กับบริษัทที่ต้องการเข้ามาร่วมการพัฒนา เอาจุดแข็งมาช่วยกัน ตอนนี้มีมา 200 กว่าแห่งแล้ว
- ส่งเสริม SME และ Startup เข้าถึงทุกพื้นที่ เรามีรูปแบบที่เหมาะกับ SME รายใหญ่ต้องเอื้อรายเล็ก SME ต้องโต ต้องเพิ่มความสามารถของสตาร์ทอัพ เหมือนกับเกาหลี ที่ให้ความสำคัญสตาร์ทอัพมาก เพราะถ้า SME ไม่เกิด อุตสาหกรรมรายใหญ่ก็ไม่เติบโต
- พัฒนา EEC ดึงดูดการลงทุนขนานใหญ่ เราต้องมี EEC เป็นตัวกระตุ้น ต้องสร้างสมดุลใหม่ เราต้องผลิตรถยนต์ใหม่ จะเป็นรถใช้ไฟฟ้า สิ่งที่เกิดขึ้นใน EEC ต้องเกิดในที่อื่นๆ ของประเทศด้วย EEC ไม่ใช่เฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่รวมถึงการพัฒนาการเกษตรและการท่องเที่ยวด้วย ตอนนี้มีบริษัทจีนเสนอตัวเข้ามา 300-400 บริษัทแล้ว เราต้องคิดว่าจะร่วมมือกับเขาอย่างไร
- พัฒนา “คน” ให้รู้ลึก รู้กว้าง ใช้ทักษะทำงานเพราะเมื่อมีเทคโนโลยีดิจิตอล เราต้องสร้างคนให้มีทักษะใหม่นี้ รัฐจะช่วยให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ องค์กรการศึกษาต้องเข้ามามากขึ้น เราต้องปฎิรูปตนเอง ต้องทำความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันเรามีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นจัดตั้งสถาบันพัฒนาวิศวกรและบุคลากรทางเทคนิค ในรูปแบบ KOSEN เพื่อรองรับการขยายการลงทุนของเอกชน เครือข่ายการพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพาและนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เรามี “สัตหีบโมเดล” ที่ดึงอาชีวะมาพัฒนา EEC
- สร้างนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม เราไม่ได้เป็นเจ้าของแบบผลิตภัณฑ์ และอีกประการที่เราจะดำเนินการในเรื่องนี้ เราต้องรู้ว่าเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ต้องไม่เข้าใจว่ามันต้องหรูเริ่ด แต่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ใช่แค่รับจ้างผลิต แต่ต้องพัฒนาการผลิตขึ้นมา เช่น การผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ญี่ปุ่นอยากมาประเทศไทยมาก เพราะประเทศเขามีความคิดสร้างสรรค์น้อยลง เขาอยากหามหาวิทยาลัยแบบยืดหยุ่น ไม่เน้นปริญญา ญี่ปุ่นเน้นการศึกษาเรื่อง Internet of Things (IoT)
- ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างความได้เปรียบ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ปัจจุบันการลงทุนใหม่มีเพียง 1 ใน 4 ส่วน ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนแค่ซ่อมแซม อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ให้ SME สร้างส่วนสำคัญของยานยนต์สมัยใหม่ ให้ มี Center of motor excellence
- ส่งเสริมเทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนา เราต้องสร้างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่เราต้องการพัฒนา คือ อุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น อ้อย ไม่ใช่คิดแค่ผลิตน้ำตาล แต่ควรนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ การแปรรูปอาหารเฉพาะทาง โดยรัฐบาลต้องแก้กฎหมายต่างๆ ที่ยังขัดขวางอยู่ สร้างเครือข่ายงานวิจัย
- เชื่อมโยงเสริมความแกร่งในเวทีโลก เราทำความร่วมมือกับหลายประเทศ ความร่วมมือกับต่างประเทศที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย และยกระดับอุตสาหกรรมไทย 0 ความร่วมมือที่สำคัญคือ การสร้าง Partnership ระหว่าง ไทย – เยอรมัน – ญี่ปุ่น รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคทั้ง Cambodia, Laos, Myanmar และ Vietnam (CLMV)
ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย
อาจกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นซึ่งจะเห็นได้จากตัวชี้วัดที่องค์กรต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ เช่น U.S. News, JETRO, JCC, สภาอุตสาหกรรมไทย, หอการค้าไทย และธนาคารโลก ได้จัดทำขึ้นต่างให้การยอมรับดังนี้
- ไทยติดอันดับที่ 8 จาก 20 ประเทศ ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน
- ไทยครองแชมป์อันดับ 1 ประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มธุรกิจ (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2)
- ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจญี่ปุ่นในไทยปรับตัวขึ้นสูงระดับ 40 สูงสุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูง7 สูงสุดในรอบ 42 เดือน (ณ มิ.ย. 61)
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน ก.ค. 61 อยู่ที่ระดับ 1 สูงสุดในรอบ 62 เดือน
- ศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของไทยขยับเป็นอันดับสูงขึ้น 13 อันดับ เป็นอันดับที่ 32 จาก 160 ประเทศ (อันดับ 2 ของอาเซียน)
ถึงแม้เศรษฐกิจได้ปรับตัวดีขึ้นแล้ว แต่ผลดีก็ยังไม่ปรากฏเท่าใดนักก็เนื่องจากปัญหาในการติดกับดัก 3 ประการ คือ กับดักรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ กับดักความเสื่อมโทรมทรัพยากร นั่นเอง
สำหรับ EEC นั้นไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ EEC ที่ทำอยู่เป็นแค่ตัวกระตุ้นและจะเกิด EEC ทั่วประเทศ แต่ต้องสอดรับกับจุดเด่นในพื้นที่ เช่น EEC ภาคใต้ก็จะมีเรื่องของประมง EEC ไม่ใช่สร้างอุตสาหกรรม แต่จะเป็นการสร้างเมือง สร้างคน แต่ที่ขาดไม่ได้ต้องสร้างอุตสาหกรรมเพราะต้องใช้เงิน อุตสาหกรรมมีทั้งเกษตร ท่องเที่ยวบริการ เป็นฐานความเจริญใหม่