หลบภัยโควิดไป“หุบเขาชมพู-ภูลมโล” ชมพญาเสือโคร่งบานรับปีเสือโอมิครอน
หลบภัยโควิดไป“หุบเขาชมพู-ภูลมโล” ชมพญาเสือโคร่งบานรับปีเสือโอมิครอน
กระทรวงสาธารณสุขประเมินภัยโควิดโอมิครอนจะระบาดในไตรมาสแรกของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) ด้วย 3 ฉากทัศน์อันน่าสะพรึงกลัวกับยอดผู้ติดเชื้อสูงระดับ 10,000-30,000 คนต่อวัน อีกทั้งอาจมีเสียชีวิตวันละ 60-180 คน เมื่อคาดการณ์เช่นนี้ย่อมกระทบกับการดำรงชีวิตในช่วงต้นปีเสือ (ดุ) ค่อนข้างหลีกเลี่ยงได้พ้น
ก่อนการเคาท์ดาวน์รับปีเสือ 2565 จะมาถึงพร้อมทั้งความไม่แน่นอนของโอมิครอนที่กำลังก่อตัวจ่อโหมแพร่ระบาดรุนแรง แนวโน้มมาตรการจำกัดการดำเนินชีวิตในอนาคตมีโอกาสกลับมาอีกครั้งเช่นดังการระบาดของเชื้อเดลตาเมื่อกลางปี 2564 และไม่แน่นัก ต้นๆปี 2565 หลังฉลองปีเสือผ่านพ้นหมาดๆ อาจต้องเจอมาตรการเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม เพราะสาธารณสุขประเมิน ประกาศฉากทัศน์ดักรอไว้พร้อมแล้ว
ดังนั้น ช่วงวันรอยต่อระหว่างปีเก่ากับปีใหม่อันไม่ปกติ ทุกห้วงเวลาจึงสำคัญ การปลีกตัวไปเที่ยวหุบเขาสีชมพูแดง ไปขึ้น “ภูลมโล” ไปชมความงามของดอกไม้ที่มีชื่อดุร้ายอย่าง“พญาเสือโคร่ง” ซึ่งกำลังแตกดอกสีชมพูแดงบานสะพรั่งบนภูดอยคงเป็นช่วงวัน-เวลาเริ่มต้นที่มีค่า และบางที่อาจค้นพบความสมดุลจากธรรมชาติที่ความงามของดอกไม้อยู่ผสมส่วนได้กับลำต้นชื่อดุร้ายพญาเสือโคร่ง โดยบางคนอาจเข้าถึงและปรับวิถีชีวิตให้อยู่กับปีเสือโอมิครอนดุตามจินตภาพสามฉากทัศน์ของกระทรวงสาธารณสุขได้เช่นกัน…เสียงปลุกเตือนให้พร้อมรับมือมาถี่ขึ้น พยายามตอกย้ำการใช้ชีวิตเลี่ยงความเสี่ยง อย่าปนเปกับคนหมู่มาก และนี่คงเป็นบทเริ่มต้นการปรับตัวรับปีเสือดุในปีหน้า
พญาเสือโคร่งกับหุบเขาดอกไม้สีชมพูแดง
ช่วงนี้…ระหว่างรอยต่อปีเก่ากับปีใหม่ ภูลมโลเต็มไปด้วยดอกพญาเสือโคร่งที่สลัดใบเริ่มแตกดอกตูมอ่อนบานสะพรั่งเต็มต้นไปทั้งภู หากไม่ไปชมคงน่าเสียดาย เพราะดอกพญาเสือโคร่งนานๆครั้งจะออกดอกพร้อมกันทุกต้นในหุบเขา ชวนให้ยืนโพสท่าฉีกยิ้ม ถ่ายรูปเก็บภาพจำกับดอกสีชมพูได้อย่างสนุกสนานสำราญใจแน่นอน
ดอกพญาเสือโคร่งหรือคนท้องถิ่นเรียก “ดอกซากุระดอย” เป็นไม้เมืองหนาวออกดอกเบ่งบานเต็มที่ใน ม.ค.ของทุกปี ความงามของมันนอกจากเฉกสีสวยงามแล้ว ยังมีลำต้นขุรขระสีน้ำตาลไม่ชวนมองแต่ทำหน้าที่ชูช่อดอกงามโดดเด่นสะดุดตา นี่เป็นส่วนผสมปนหนุนส่งกันตามธรรมชาติแต้มแต่ง เมื่อดอกตูมบานสีชมพูยิ่งบานทับพื้นที่ไร่แปลงใหญ่ๆ สีน้ำตาลของเกษตรกรม้ง ที่อยูเหนือขึ้นไป ยิ่งทำให้ภาพมีมิติและช่วยปรุงแต่งประกอบส่วนให้ดอกไม้งามขึ้น มองดูราวกับท้องทุ่งสีชมพูมีสีน้ำตาลของลำต้นและพื้นไร่มาตัดแซม
อีกอย่างถ้ามีไกด์เก่งๆพาเที่ยวชม แล้วเล่าเรื่องราวอดีตมาประกอบส่วน เป็นเรื่องของ “ภูขี้เถ้า”ที่อยู่ลึกสุดของภูลมโล คือ สมรภูมิรบของกองกำลังอุดมการณ์แตกต่าง มีเรื่องราวการต่อสู้เมื่อหนหลังให้รับรู้ จดจำ คนอาจตื่นตาตื่นใจกับหุบเขาพญาเสือโคร่งยืนต้นโดดเด่นเต็มพื้นดิน และภายใต้กรอบสายตาพาไปถึงดอกไม้งดงามตื่นตา แต่เรื่องราวย้อนลึกเกือบครึ่งศตวรรษกลับมีบาดแผลความเจ็บปวดอันโหดร้ายซ่อนอยู่ใต้ดอกไม้สีชมพูแดง
ดอกซากุระดอยสีชมพูแดงมีนับหมื่นต้นบนภูลมโลออกดอกช่วงปลาย ธ.ค.-ก.พ. มีเรื่องเล่าว่า ดอกสวยงามเต็มหุบเขากว่า 1,200 ไร่แห่งนี้ปลูกเมื่อยุคคอมมิวนิสต์ออกจากป่าคืนเมือง มอบปืนหยุดสู้รบ หัวหน้าอุทยานในยุคนั้นให้ขึ้นปลูกป่าแห่งนี้ เพื่อได้ที่ดินทำกินตามทำนองนโยบาย 66/23 ที่คืนการใช้ชีวิตแบบเมืองในชื่อ “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” ในช่วงแรกต้นพญาเสือโคร่งออกดอกไม่สวยงามนัก แต่พอโตขึ้น เมื่อสลัดใบทิ้งหลายรอบปี เมื่อออกดอกมาเรื่อยๆ แบบสลับแปลงกันบานบ้าง บานทั้งหุบบ้าง แล้วช่างภาพ นักเดินทางเข้าหาธรรมชาติภูดอยทยอยมาเก็บ “ภาพจำ” นั่นจึงเป็นต้นธารการท่องเที่ยวในรอยทางเขต 3 จังหวัด พิษณุโลก เพชรบูรณ์และเลย
ภูลมโลไม่เพียงมีดอกซากุระดอยสีชมพูแดงบานสวยงามในทุกปีเท่านั้น เมื่อไปสัมผัสนักถ่ายภาพจะได้บรรยากาศพระอาทิตย์หน้าหนาวขึ้นเหนือฟ้าเมืองเลยสวยงามกลมกลืนธรรมชาติไปอีกแบบ โดยเฉพาะทางขึ้นไปจุดสูงสุดที่เป็น view point ได้ตัดทางขึ้นสวยดี สามารถเก็บภาพจำทางขึ้นจุดชมวิวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นได้ มีแสงสีแดงฉาบพื้นดินงามแปลกดี แม้ที่นี่มีดอกไม้ ใบไม้ไม่มากเหมือนป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง แต่ต้นไม้ ดอกไม้ในทุ่งหญ้าของอุทยานภูหินร่องกล้าแห่งนี้ดูสวยงามไม่น้อย
การเที่ยวภูลมโล หากมีเวลาควรไปไหว้พระที่ ต.กกสะทอน พร้อมชมการปลูกแก้วมังกรมากมายเป็นหุบๆ เขา หากจะว่ากันไปแล้ว ถ้าแม่ฮ่องสอนเป็นมหาอำนาจแห่งการปลูกถั่ว จังหวัดเลยก็ถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจแห่งการปลูกแก้วมังกรเช่นกัน
จังหวัดเลยปลูกแก้วมังกรมากกว่าจังหวัดศรีษะเกษ เพราะปลูกกันหลายอำเภอ แต่ละอำเภอปลูกแปลงใหญ่ๆ บนเขาเป็นทิวๆ กันทีเดียว อีกทั้งยังขึ้นชื่อเป็นแหล่งปลูกขิง โดยขิงสดของชาวบ้านราคากิโลกรัมละไม่ถึง 10 บาท แต่ตลาดสวนจตุจักร กทม.ขายกันกิโลกรัมละกว่า 80 บาท…หรือนี่เป็นวิถีแตกต่างระหว่างชีวิตเมืองกับกำลังแรงคนในหุบป่า จึงมี “ราคาส่วนเกิน”ให้กอบโกยเอาเปรียบและเบียดเบียนกันเป็นทอดๆ ราคาเมืองกับราคาไร่จึงวิถีแตกต่างกัน คนหนึ่งแย่งชิงไปสู่ความร่ำรวย อีกคนหนึ่งพยายามปักยืนแบบ“สัมมาชีพ”
ถ้าตั้งใจไปภูลมโลกันแล้ว ควรใช้เวลาเป็นคืนและวันจึงจะซึมซับบรรยากาศท้องถิ่น ได้เรียนรู้วัฒนธรรมชีวิตชุมชน แล้วแบ่งเวลาไปดูแหล่งผลิตข้าวเหนียวดอยชั้นยอดที่ชื่อว่า “ซิวเกลี้ยง” และพักค้างคืน “โฮมสเตย์” ที่มีกว่าสิบหลังที่ ต.กกสะทอน บริหารจัดการโดยชุมชนภายใต้ชื่อ “ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน” เน้นความสะอาด ได้บรรยากาศพื้นบ้าน มีมาตรฐาน SHA นอนพักสักคืน เพื่อตื่นรอขึ้นภูตั้งแต่เช้ามืด ออกไปสัมผัสลมหนาวเย็น รับเอาแสงอุ่นตามประสาคนโหยหาอากาศหนาวและพระอาทิตย์ขึ้น…แล้ววันใหม่กับความสดชื่นจากมวลดอกตูมสีชมพูแดงบานสะพรั่งอยู่ถ้วนทั่วหุบเขาก็เป็นรางวัลชีวิตไว้สู้โอมิครอนในปีเสือดุ
ทางไปชื่นชมดอกซากุระดอย
ภูลมโล มีจุดยอดสูงจากระดับน้ำทะเล 1,664 เมตร ตั้งอยู่ใน ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นภูเขาบนรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย นอกจากความสวยงามของธรรมชาติกับมวลดอกไม้งามแล้ว สิ่งที่ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจอีกอย่างคือ จุดกางเต็นท์นอน สามารถมองดาวบนฟ้าในคืนเดือนหงายได้เต็มตา และชำเลืองตามองต่ำชมแสงไฟเป็นหย่อมๆ จากหมู่บ้านข้างล่าง
บนยอดสูงสุดภูลมโล มีทางเดินเขาขึ้นไปประมาณ 1 กม. ทางค่อนข้างชัน บนจุดชมวิวมีชะง่อนหินเล็ก ๆ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ตกอยู่บนเส้นทางเดินขึ้น ซึ่งเมื่อมองลงมาเบื้องล่างจะพบกับทิวทัศน์ความงดงามของแนวยอดภูลมโลและเทือกเขาอื่น ๆ หรือหากใครไม่ขึ้นไปบนจุดชมวิวสูงสุด ก็สามารถชมวิวอยู่ตรงทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวก็ได้ซึ่งก็สวยงดงามเช่นกัน
ช่วงรอยต่อปีเก่ากับปีใหม่ 2565 นี้ นางนิยม กุลาชัย ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย บอกว่า ชมรมฯ เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวไปสัมผัสความงามธรรมชาติหุบเขาสีชมพูแดงที่ “ภูลมโล” โดยได้จัดอบรมพนักงานขับรถโฟร์วีลและรถยนต์นำเที่ยว 82 คัน พร้อมกับการตรวจสภาพรถยนต์ ซ้อมแผนการนำเที่ยวจากวิทยากรสำนักงานขนส่งจังหวัดเลย ที่มาให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัย มาตรฐานของรถและศักยภาพของพนักงานขับรถทุกคน รวมทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตูบค้อ ได้อนุเคราะห์ด้านการวางมาตรการตรวจ คัดกรองป้องกันเชื้อไวรัสโควิดจุดต่างๆ วันนี้พร้อมบริการนักท่องเที่ยวในทุกๆ ด้านแล้ว 100%
เธอบอกว่า ในปลายเดือน ธ.ค. ดอกซากุระดอยบนภูลมโลปีนี้เริ่มสลัดใบทิ้ง แล้วออกดอกบ้างเล็กน้อย คาดจะออกดอกสีแดงชมพูสดสวยมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป แล้วจะบานเต็มที่หลังเทศกาลปีใหม่ 2565 ส่วนจะแดงสดสวยยาวนานเพียงใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่าหนาวเย็นยาวนานแค่ไหน และฝนจะตกมาเร็วและแรงด้วยหรือไม่
เส้นทางขึ้นภูลมโล เพจชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน แนะนำว่า ขึ้นได้ 2 เส้นทาง คือจากเพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางหมายเลข 21 มุ่งหน้า อ.หล่มสัก จากนั้นเบี่ยงซ้ายเข้าถนนเลี่ยงเมืองก่อนถึงสี่แยกหล่มสัก จะเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 จากนั้นจะเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่หมายเลข 2372 ขับตรงไปจนเจอทางแยกซ้ายมือขึ้นภูทับเบิกเป็นทางหลวง 2331 เป็นทางลาดชันและทางโค้งหักศอก ราว 18 กิโลเมตร จนถึงด่านเก็บเงินค่าเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากนั้นเดินทางต่อไปยังบ้านร่องกล้า ที่อยู่ภายในอุทยานฯ อีก 21 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 96 กิโลเมตร
อีกเส้นทางหนึ่งจากเลย ผ่าน อ.ภูเรือเข้าสู่ ต.โคกงาม ไม่ต้องเข้าอำเภอด่านซ้ายเพราะจะอ้อมให้ใช้ถนนเส้นหล่มเก่า หล่มสัก ตรงอย่าง เดียวผ่านบ้านถึงโป่งชีและบ้านน้ำพุง เมื่อถึงบ้านน้ำพุงมีทางแยกขวาเขียนว่าวัดป่าพุทธประทับ เลี้ยวขวาตรงไปมีป้าย บอกทางขึ้นไป ภูลมโล สำหรับใครที่ใช้บริการรถนำเที่ยว ของชมรมกกสะทอน ที่ทำการจะอยู่ก่อนถึงทางขึ้นภูลมโลมีป้ายบอก จากที่ทำการไปจนถึง จุดกางเต้นท์ภูลมโลใช้เวลาขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง
ปีใหม่เป็นปีเสือ มีโอมิครอนดุร้ายตั้งท่าโถมเข้าใส่ หากมีเวลาเดินทาง ควรเตรียมตัวไปเผชิญหน้ากับพญาเสือโคร่ง ชมความงามของดอกซากุระดอย สูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด เติมพลังชีวิตเอาฤกษ์ชัยไว้ผจญกับโควิดระลอกใหม่อีกสักตั้ง…พร้อมยัง
ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.facebook.com/sammachiv
https://www.facebook.com/chumchonmeedee
https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods
ไม่มีภาพกิจกรรม
ไม่มีวิดีโอ