Communication chat icon above cityscape in the night light of the city.
ไทยยึดที่ 4 ตลาดสมุนไพรโลก ส่วนแบ่ง 1.6 พันล้านดอลลาร์
ไทยยึดที่ 4 ตลาดสมุนไพรโลก ส่วนแบ่ง 1.6 พันล้านดอลลาร์
รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยชี้ สมุนไพรไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกอันดับ 4 มีมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เผย“ขมิ้นชัน ใบบัวบก ฟ้าทะลายโจรและกัญชา”เป็นสินค้าขึ้นชื่อของไทย
เมื่อ 31 ตุลาคม 2563 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการอบรมผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 11 ถึงอนาคตกัญชาไทยและสมุนไพรในตลาดโลกว่า ขณะนี้กฎหมายเปิดช่องให้ใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยประยุกต์กับแผนปัจจุบัน แต่ 90% ใช้ในแพทย์แผนไทยเป็นหลัก
ส่วนตัวผลิตภัณฑ์นั้น กฎหมายไทยยังไม่อนุญาตให้นำเข้ายากัญชาจากต่างประเทศ เพราะต้องการให้ยาในประเทศได้พัฒนา 5 ปีก่อน จึงจะเปิดอนุญาตได้
ปัจจุบันการใช้ยากัญชาได้ในแผนไทยเป็นหลักแล้ว ยังเปิดช่องให้หมอแผนปัจจุบันขอใช้รักษาโรคได้เป็นรายๆ อีกช่องทางให้หมอทำข้อตกลงพิเศษกับคนไข้รักษาก่อนเพื่อป้องกันการฟ้องร้อง นอกจากนี้ใช้ภายใต้การวิจัย และสุดท้ายเปิดให้หมอพื้นบ้านใช้ได้
นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า การใช้ยากัญชาได้ต้องมีใบอนุญาต 3 ชนิด คือการครอบครอง จำหน่าย และการผลิตหรือปลูกก่อน ซึ่งขณะนี้กฎหมายยังไม่ให้เอกชนผลิต แต่อนุญาตเฉพาะหน่วยรัฐ
“เหตุนี้หน่วยรัฐจึงหลีกเลี่ยงโดยจับมือกับมหาวิทยาลัยเพื่อผลิตกัญชาสำหรับวิจัยและนำไปใช้ได้บ้างเพื่อการทดลอง ซึ่งปัจจุบันมีมหาวิทยาลัย 4 แห่งจับมือเอกชนปลูกแล้วนำไปใช้ประมาณ 400 กว่าแห่ง และขณะนี้กรมการแพทย์แผนไทยกำลังเจรจากับสวนนงนงค์ร่วมมือกันปลูกกัญชา”
สำหรับสมุนไพรไทยนั้นมี 4 ประเทศครองตลาดโลก เรียงอันดีบมากไปน้อย คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย โดยสมุนไพรไทยมีมูลค่าตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จุดอ่อนเป็นการจัดทำข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เรียกว่า ใต้ดิน เพราะยังไม่มีการรองรับอย่างถูกต้อง
นพ.ปราโมทย์ กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพว่า ในตลาดโลกไทยมีมูลค่าตลาดถึง 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเครื่องสำอางมีมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ผลติภัณฑ์สมุนไพรไทยสำคัญที่ขึ้นชื่อในตลาดโลก คือ ขมิ้นชัน ใบบัวบก ฟ้าทะลายโจร และกัญชา อย่างไรก็ตาม ช่องทางการตลาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์ และเปิดร้านค้าจำหน่ายเฉพาะ ซึ่งในอนาคตยังต้องปรับปรุงพัฒนาระบบการจำหน่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
