skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
ส่องเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาไทย

ส่องเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาไทย

ส่องเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาไทย

 

โครงการเปิดประเทศขยับตัวเนิบๆตั้งแต่ 1 พ.ย.มาได้ 9 วันแล้วเมื่อถึงวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 63 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำที่ไทยอนุญาตให้เข้ามานั้นมีมาตรการหลักสำคัญว่า ไม่ต้องกักตัว ขอแค่ฉีดวัคซีนครบโดส ทำประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครอง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเข้ามาถึงแล้วต้องเข้าพักที่โรงแรม SHA Plus (SHA+) หรือโรงแรมกักตัว Alternative Quarantine (AQ) เป็นเวลา 1 คืนเพื่อรอผลตรวจเชื้อโควิดแบบ RT-PCR หากผลเป็นลบ สามารถตะลอนเที่ยวได้ตามสบายใจอย่างอิสระเสรี แต่ยังต้องเฝ้าตรวจ ATK อยู่เป็นระยะและต่อเนื่อง

 

 

การเปิดประเทศครั้งนี้เป็นการผนวกเอาโครงการระบบ Quarantine สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่ต้องกักตัว 7 วันหรือ 10 วัน และ Sandbox สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสที่เดินทางมาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ มารวมกันแล้วเพิ่มเติมระบบใหม่ที่เรียกว่า Test & Go ไม่ต้องกักตัว เพื่อมุ่งมั่นดึงนักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายเงินในไทยให้นานและมากที่สุด เพราะเชื่อว่า จะเป็นโอกาสทองได้ฟื้นเศรษฐกิจปากท้องของคนไทย

 

ข้อมูลกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึง 8 พ.ย. โดยแจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วรวมจำนวน 24,905 คน และมีติดเชื้อโควิดรวม 26 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวระบบ Quarantine  มีจำนวน 1,105 คน ติดเชื้อ 6 คน ระบบ Sandbox ที่ต้องการเข้ามาพักผ่อนซึมซับบรรยากาศในไทยขณะนี้ตัวเลขบ่งบอกว่ามีเข้ามาแล้ว 8,008 คน ติดเชื้อโควิด 9 คน ที่สำคัญนักท่องเที่ยวแบบ Test & Go เข้ามากที่สุด คือจำนวน 15,763 คน ติดเชื้อ 11 คน

 

 

 

ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ประเทศที่เข้ามาไทยมากที่สุด คือ สหรัฐ 2,960 คน เยอรมนี 2,842 คน อังกฤษ 1,517 คน ญี่ปุ่น 1,452 คน เกาหลีใต้ 1,075 คน สวิตเซอร์แลนด์ 1,042 คน รัสเซีย 1,026 คนสวีเดน 845 คน ฝรั่งเศล 840 คน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 588 คน

 

 

เอาเป็นว่า ตามข้อมูลนักท่องเที่ยวในโครงการเปิดประเทศถึงวันที่ 8 พ.ย.นั้น หากเปรียบเทียบกับเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตัดสินใจบนพื้นฐาน “เมื่อโอกาสทองมาถึง” จึงต้องรีบช่วงชิงนักท่องเที่ยว แต่ตัวเลขภาพรวมที่ออกมายังมีความคึกคักเบาบาง เนื่องจากเฉลี่ยทุกระบบที่เข้ามาเที่ยวไทยมีประมาณวันละ 3,113 คน

 

อีกอย่างนักท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญในการเปิดประเทศแบบฉีดวัคซีนครบโดส คือในระบบ Test & Go กับ Sandbox กลับพบว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมากถึง 20 คนส่วนระบบ Quarantine ที่ไม่ต้องฉีดวัคซีนเลยกลับมีผู้ติดเชื้อแค่ 6 คน สิ่งน่าสนใจคือ การติดเชื้อโควิดของต่างชาติได้กระจายไปที่กรุงเทพฯ 11 คน และภูเก็ต 15 คน ดังนั้น มาตรการเปิดรับกลุ่มฉีดวัคซีนครบโดสมาเที่ยวได้อิสระเสรี ยังไม่ได้รับประกันว่า จะไม่นำเชื้อโควิดมาแพร่กับคนไทย

 

 

หากพิจารณาว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติไปเที่ยวแห่งใดกันแล้ว ตามข้อมูลการเดินทางโดยเครื่องบินลงที่สนามบินในไทยคงเป็นสิ่งสะท้อนความต้องการเที่ยวได้เป็นเบื้องต้น รายงานในช่วง 8 วันเปิดประเทศนั้น ของกรมควบคุมโรคระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองมากที่สุดคือ 15,683 คน รองลงมาเป็นภูเก็ต 8,744 คน ตามด้วยสมุย 395 คน และสุดท้ายเชียงใหม่ 83 คน ซึ่งอธิบายได้ว่า การกระจายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไปตามแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทยคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และสมุย ส่วนเชียงใหม่ มีเล็กน้อยแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูหนาว ไฮซีซันโอกาสทองในการเที่ยวเชียงใหม่ยังเบาบางเอามากๆ

 

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยยังสอดคล้องกับมาตรการฉีดวัคซีนครบโดสของไทยด้วย โดยกรุงเทพฯ ฉีดครบโดสมากสุดจำนวน 87.5%ของประชากรในจังหวัด รองลงมาเป็นภูเก็ต 79.6% ส่วนเชียงใหม่ 48.4% ทั้งนี้ยอดสะสมฉีดวัคซีนของประเทศเมื่อ 8 พ.ย.มีทั้งสิ้น 80,968,807 โดส แบ่งเป็นเข็มหนึ่งประมาณ 41.3 ล้านโดส และเข็มสองประมาณ 32.9 ล้านโดส ที่เหลือเป็นการฉีดเข็มกระตุ้นหรือเข็มสามที่มีเพียง 2.6 ล้านโดส หรือ 3.6% เท่านั้น

 

       

 

สิ่งที่น่าวิตกอย่างหนึ่งคือ ในพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น แหล่งเที่ยวที่น่าสนใจกลับอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่เชื้อสูง โดยข้อมูลเมื่อ 9 พ.ย. ไทยมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่ม 6,904 คน ในจำนวนนี้กรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 813 คน เชียงใหม่ 373 คน สุราษฎร์ธานี 196 คน ทั้ง 3 จังหวัดนี้อยู่ในกลุ่มมีผู้ติดเชื้อใน 10 อันดับมากสุดของประเทศ  ส่วนภูเก็ต 39 คน แต่ในภาพรวมช่วง 9 วันแล้วการติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ดังนั้น ประเมินเป็นเบื้องต้นได้ว่า การเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย. โดยนำร่อง 17 จังหวัดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศมาเที่ยวนั้น นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบโดสยังมีผู้ติดเชื้อแอบแฝงเข้ามาไทย และต้องการไปเที่ยวในจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนครบโดสมากที่สุด สิ่งที่ตกใจคือ ยังเป็นจังหวัดที่มีอัตราการแพร่เชื้อต่อวันในระดับสูงติด 10 อันดับของไทย

 

ปรากฎการณ์เช่นนี้ คงสะท้อนถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติยอมเสี่ยงไปเที่ยวในพื้นที่เป้าหมายที่นั่งเครื่องบินเข้ามาไทย แม้พื้นที่นั่นๆจะยังมีการติดเชื้อต่อวันสูง แต่ก็มีมาตรการฉีดวัคซีนครบโดสในระดับเกินหรือใกล้เคียง 70% ต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ นั่นอาจยืนยันได้ว่า การฉีดวัคซีนเป็นมาตรการรองรับการฟื้นเศรษฐกิจได้และไม่ทำให้ต่างชาติตื่นตระหนกกับการติดเชื้อโควิด ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นโอกาสทองในการที่จะเสี่ยงตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศไว้

 

 


 

ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee</a

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

 

Back To Top