skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
วัคซีนโควิดฉีดคนไทย จำเป็น เร่งด่วน และประสิทธิผล (ตอน 2)
Communication chat icon above cityscape in the night light of the city.

วัคซีนโควิดฉีดคนไทย จำเป็น เร่งด่วน และประสิทธิผล (ตอน 2)

วัคซีนโควิดฉีดคนไทย จำเป็น เร่งด่วน และประสิทธิผล (ตอน 2)

     แม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อีกทั้งองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ยังไม่รับรองวัคซีนของซิโนแวคของจีน แต่สำนักงานอาหารและยาของอินโดนีเซียได้ตรวจสอบและพบว่า มีประสิทธิผลอยู่ที่ 65.3%

 

     นอกจากนี้ ศูนย์การทดลอง “สถาบันบูตันตัน” ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาและผู้ผลิตวัคซีน ประเทศบราซิลยืนยันว่า วัคซีนซิโนแวคของจีนมีประสิทธิผลระหว่าง 50-90% ส่วนนักวิจัยตุรกีระบุว่าวัคซีนมีประสิทธิผล 91.25% ทั้งนี้ยังสูงกว่าเกณฑ์การอนุมัติที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กำหนดความมีประสิทธิผลไว้ที่ 50%

 

     อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากจีนที่อนุมัติการใช้วัคซีนซิโนแวคป้องกันไวรัสโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉินแล้ว อีกทั้ง นายดิมาส โควาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตัน ของบราซิล เปิดเผยว่า สถาบันบูตันตันกำลังวางแผนที่จะขออนุมัติการใช้งานวัคซีนกรณีฉุกเฉินจาก Anvisa ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพของบราซิลในวันศุกร์นี้ หรือประมาณวันที่ 15 ม.ค.นี้ และกระบวนการอนุมัติจะรู้ผลภายใน ม.ค.เช่นกัน

 

     คงด้วยความมีประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค และที่สำคัญจากการตรวจสอบของประเทศอินโดนีเซียระบุถึงวัคซีนชนิดนี้แทบไม่ส่งผลข้างเคียงต่อมนุษย์ ดังนั้น อินโดนีเซียและตุรกีสั่งซื้อมากสุดที่ประเทศละ 50 ล้านโดส บราซิล 46 ล้านโดส และ ฟิลิปปินส์สั่งซื้อ 25 ล้านโดส ตลอดจนไทยสั่งซื้ออีก 2 ล้านโดส

 

     ขณะนี้อินโดนีเซียมีกำหนดการที่จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ม.ค.นี้ โดยประธานาธิบดีโจโค วิโดโด จะเข้ารับการฉีดเป็นคนแรกของประเทศ ก่อนที่จะทำการแจกจ่ายวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนในวัยทำงาน ซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนในครั้งนี้ต่อไป

 

     รวมทั้งมีรายงานจากรัฐบาลลาวเช่นกันว่า ท่านพูทอน เมืองปาก รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ลาวจะฉีดวัคซีนที่ได้รับการช่วยเหลือจากจีน ซึ่งฉีดมาแล้วได้ผลดี และจะเริ่มฉีดให้กลุ่มเสี่ยงอีกในกลางเดือน ม.ค. 2564

ไทยตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนก่อนกลุ่มแรก

     ปัจจุบันไทยสั่งซื้อวัคซีนแอสตราเซเนการวม 61 ล้านโดส อีกทั้งยังสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคของจีน 2 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนของจีนจะทยอยส่งมาล็อตแรก 2 แสนโดสช่วงปลายกุมภาพันธ์นี้เพื่อฉีดให้คนไทย โดยมีเป้าหมายคือการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต และปกป้องระบบสุขภาพประเทศ

 

     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข มั่นใจว่า วัคซีนที่จัดหามานั้น ได้มาตรฐาน คุณภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. เรียบร้อย อีกอย่างคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบ 4 กลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเป็นกลุ่มแรก คือ

 

  1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน
  2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน
  3. ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

และ 4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ ที่จะต้องคัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด เริ่มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะฉีดคนละ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน

 

     ส่วน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำหนดการรณรงค์ให้บริการวัคซีน ตั้งแต่เดือน ก.พ.–พ.ย. 2564 โดยจะเร่งสื่อสารประชาชน ให้มีความรู้ทั้งผลดีและข้อความระวัง และประสานโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัดและโรงพยาบาลเอกชนร่วมให้บริการ

ภาพข้อมูลจาก thestandard.co

 

ข้อดี-ข้อเสีย และผลข้างเคียง

     นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณยศ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ถึงข้อดี ข้อเสียของวัคซีนโควิด-19 แต่ละชนิดที่ผ่านการทดลองอนุญาตให้ใช้ในมนุษย์ ซึ่งมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ วัคซีน mRNA วัคซีน Vector และวัคซีนเชื้อตาย

 

     กลุ่มแรก วัคซีน mRNA เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna) ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ทำได้ง่ายและรวดเร็วเพราะทำในโรงงาน กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง ส่วนข้อเสียอยู่ที่ว่า RNA สลายตัวได้ง่าย เก็บที่อุณหภูมิต่ำมากๆ และวัคซีนชนิดนี้เป็นชนิดแรกที่ใช้ในมนุษย์ อาการข้างเคียงหลังฉีดพบได้บ่อยกว่าวัคซีนที่ทำโดยชนิดเก่า เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย และผลระยะยาวคงต้องรอการศึกษาต่อไป เช่นติดตามเป็นปีหรือหลายปี

 

     ในวัคซีนกลุ่มแวกเตอร์ (Vector) เช่น วัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZineca) ของอังกฤษ และสปุตนิก-วี (Spuknic V) จากรัสเซีย ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ ผลิตได้ง่ายจำนวนมาก เพราะทำจากโรงงานเป็น DNA จะมีความคงทนกว่า จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา ราคาจะถูก ผลเสียคือ เป็นวัคซีนชนิดใหม่ ต้องรอดูผลระยะยาว

 

     ส่วนวัคซีนกลุ่มเชื้อตายของจีน เช่น ซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) จะใช้เชื้อโควิด-19 เพาะเลี้ยงบน Vero cell เมื่อเพาะได้จำนวนไวรัสจำนวนมากจะเอามาทำลายฤทธิ์หรือฆ่าเชื้อให้ตายแล้วนำมา Formulation ใส่สารกระตุ้นภูมิต้านทาน ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ คือ มีความปลอดภัย เป็นเชื้อตายสามารถใช้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ ภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไม่ไปเพิ่มจำนวน การกระตุ้นภูมิต้านทานจะได้ระดับต่ำกว่าวัคซีนที่กล่าวมาจากข้างต้น

 

     ข้อเสีย คือ การผลิตจำนวนมากทำได้ยาก เพราะไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสก่อโรคจะต้องเพาะเลี้ยงในห้องชีวนิรภัยระดับสูง ต้นทุนในการผลิตจะมีต้นทุนสูง การผลิตจำนวนมากจะมีขีดจำกัด

ประสิทธิผลเชิงเปรียบเทียบ

     ปัจจุบันวัคซีนจากแอสตราเซเนกา (Oxford-Astrazeneca) จากอังกฤษ, ไฟเซอร์ (Pfizer) จากสหรัฐ, ไบออนเทค (BioNTech)จากเยอรมัน, สปุตนิก (Sputnik)จากรัสเซีย และ โมเดอร์นา (Moderna) จากสหรัฐ ต่างมีรายงานผลเบื้องต้นในการทดลองขั้นที่ 3 กับมนุษย์ ส่วนวัคซีนจีนยังไม่ปรากฎการรายงานผลทดลอง แม้จีนรายงานต่อบราซิลว่า มีประสิทธิผล 78 % แต่ปราศจากข้อมูลรายละเอียด เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสมากกว่านี้

 

     ผลรายงานของนักวิจัย ระบุว่า แอสตราเซเนกา ป้องกันการติดโรคโควิด-19 ได้ผล 70% นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในระดับที่ต่ำลงในกลุ่มที่รับวัคซีนโดสแรกต่ำและโดสหลังสูงอีกด้วย จุดเด่นสามารถเก็บในอุณหภูมิในตู้เย็นปกติ ด้านไฟเซอร์และไบออนเทค บ่งชี้ว่า วัคซีนชนิดนี้ดูเหมือนจะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้กลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไปได้ถึง 94% ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส

 

     ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพและเวชภัณฑ์จากสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า วัคซีนชนิดใหม่ของบริษัทมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้เกือบ 95% เก็บรักษาในอุณหภูมิลบ 20 องศาเซลเซียสใน 6 เดือน สำหรับวัคซีนของบริษัทกามาเลยา (สปุตนิก) พบว่า มีประสิทธิภาพอยู่ที่ 92% สิ่งสำคัญกระตุ้นให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ไม่ว่าผู้รับวัคซีนจะมีอายุมากเท่าใดก็ตาม เก็บรักษาในอุณหภูมิในตู้เย็นปกติ

 

     แม้ผลการทดลองวัคซีนขั้นที่ 3 ของแอสตราเซเนกา อ็อกซ์ฟอร์ด จะได้ผลน้อยกว่าของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นา แต่ในระยะยาว มีโอกาสวัคซีนตัวนี้อาจจะถูกนำไปใช้ได้ง่ายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิเย็นจัด โดยสามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิของตู้เย็นปกติ เช่นเดียวกับวัคซีนของบริษัทกามาเลยา (สปุตนิก 5) ขณะที่วัคซีนไฟเซอร์-ไบแอนเทค และวัคซีนโมเดอร์นา ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำมากๆ

 

     กล่าวเฉพาะวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ไทยสั่งซื้อนั้น พัฒนาจากการใช้ไวรัสไข้หวัดทั่วไปที่อ่อนแอ โดยได้นำเชื้อนี้มาจากลิงชิมแปนซีไปดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อที่เชื้อไวรัสนี้จะไม่สามารถขยายตัวในมนุษย์ได้ จากนั้นจะนำยีนที่ได้มาจากปุ่มโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนาไปใส่ในไวรัสไข้หวัดที่อ่อนแอและไม่เป็นอันตรายต่อคน

 

     วัคซีนที่ได้จะถูกนำไปฉีดให้กับคนไข้ เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะสร้างปุ่มโปรตีนไวรัสโคโรนาขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกันขึ้น และกระตุ้นให้ที-เซลล์ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ

เร่งรัดและข้อห้ามผู้รับวัคซีน

     กล่าวถึงที่สุดแล้ว เป็นธรรมดาวัคซีนแต่ละชนิดย่อมมีผลดีและผลเสียแตกต่างกัน ทั้งการเก็บรักษา ประสิทธิผลในการป้องกันโควิด-19 และมีอันตรายที่จะมีผลข้างเคียงกับมนุษย์ โดยวัคซีนของไฟเซอร์ที่มีรายงานระบุว่า ผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดอาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลันจนทำให้ถึงแก่ชีวิตมาแล้ว

 

     อย่างไรก็ตาม การผลิตวัคซีนป้องกันระบาดโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาพัฒนาและผลิตประมาณ 2-5 ปี แต่การผลิตวัคซีนโควิด-19 ในครั้งนี้ กลับเร่งให้พัฒนาแข่งกับเวลา จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุด

 

     รวมทั้งเดิมพันด้วยเศรษฐกิจของโลกที่หยุดชะงักไป จึงถูกบีบจนไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งพัฒนาและทดสอบให้ออกมาได้เร็วที่สุด โดยเวลาทดสอบที่สั้นมากเพียง 10 เดือน จึงย่อมประเมินได้ว่ามีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูง

 

     สิ่งสำคัญ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าวัคซีนที่ได้มานั้นใช้ได้ผล ปลอดภัย และป้องกันเชื้อไวรัสโควิดได้ครอบคลุมที่สุดแล้ว รัฐบาลควรเน้นประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน หรือกำหนดข้อห้ามของผู้รับฉีดวัคซีนโควิดต้องพึ่งตระหนักกับโรคประจำตัว

 

     ข้อห้ามการฉีดวัคซีนโควิดนั้น อังกฟาได้คำนึงถึงความสำคัญไว้โดยออกเอกสารกำกับการฉีดไว้อย่างเข้มงวด เช่น ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีสภาวะภูมิแพ้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงบุคคลที่ได้รับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน อาจมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนลดลง รวมทั้งผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้ม

 

     ไม่เพียงเท่านั้น บุคคลที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือผู้ที่มีโรคเลือดออกซึ่งจะห้ามการฉีดเข้ากล้ามไม่ควรได้รับวัคซีน วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และทารกในครรภ์  วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ภายในไม่กี่เดือนหลังจากได้รับวัคซีน ผู้ได้รับวัคซีนจะไม่สามารถให้นมบุตรได้ เป็นต้น

 

     ดังนั้น เอกสารกำกับการฉีดวัคซีนโควิดเช่นนี้ ไทยควรต้องเน้นและเอาอังกฤษเป็นแบบอย่าง เพื่อป้องปรามผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้รับวัคซีน

 

Back To Top