ครม.เคาะแผนเปิดเมือง เที่ยวภูเก็ต-3 เกาะสุราษฎร์
ครม.เคาะแผนเปิดเมือง
เที่ยวภูเก็ต-3 เกาะสุราษฎร์
“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” พร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วใน 1 ก.ค. ขณะที่ ครม.ขยายเปิดพื้นที่เกาะสุราษฎร์ ไฟเขียวเกาะสมุย-พะงัน-เต่า รับ นทท.เริ่ม 15 ก.ค. นี้ ส่วน ศบค.กำหนดเงื่อนไขเข้มกันเชื้อโควิดระบาด
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบแผนการเปิด“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) พร้อมขยายเปิดพื้นที่ เกาะสมุย เกาะพงัน และ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ด้วย
จังหวัดภูเก็ตตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนไว้ 460,000 คน ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2564 โดยในเวลานี้มีผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 3 แสน 5 หมื่นคน คิดเป็น 76% ส่วนคนที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้วมี 230,000 คน คิดเป็น 49% ของประชากร
หลักเกณฑ์รับ นทท.ต่างชาติ
หลักเกณฑ์การเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวนั้น จะเน้นเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำและปานกลาง กรณีมาจากประเทศอื่นต้องอยู่ในประเทศที่กำหนดอย่างน้อย 21 วัน สิ่งที่สำคัญคือ การได้รับวัคซีนตามที่กำหนดของประเทศไทยครบกำหนดสองเข็มอย่างน้อย 14 วัน และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนตามกำหนด คือ แอสตร้าเซนเนก้า, ซิโนแวค, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซิโนฟาร์ม และ โมเดอร์นา กรณีเด็กมากับผู้รับวัคซีนให้เดินทางพร้อมผู้ปกครองได้
อย่างไรก็ตาม กรณีเคยติดเชื้อ ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดสองเข็ม (ตามประเภทของวัคซีน) อย่างน้อย 14 อีกทั้งมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
เมื่อเดินทางมาถึงไทย ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ และเดินทางเข้าที่พักด้วยพาหนะที่กำหนด เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ณ โรงพยาบาลที่พัก หรือ จุดตรวจ ไม่พบเชื้อสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ กรณีเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า สามารถออกนอกห้องพักและใช้บริการบริเวณที่พักได้ และระหว่างพำนักในในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน จึงสามารถเดินทางออกไปยังจังหวัดอื่นได้ กรณีอยู่น้อยกว่า 14 คืน ต้องเป็นการกลับประเทศต้นทางเท่านั้น
กรณีเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า วันที่ 1-3 สามารถออกนอกห้องพักและใช้บริการในบริเวณที่พักได้ วันที่ 4-7 สามารถเดินทางท่องเที่ยวในระบบติดตามที่กำหนดในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย วันที่ 8-14 สามารถเดินทางท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ไม่ต้องกักตัวแบบมีเงื่อนไข ทั้งนี้ ต้องมีการตรวจหาโควิด-19 (RT-PCR) อีก 2 ในวันที่ 6-7 และ 12-13
ศบค.เงื่อนไขคุมเข้ม
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวถึงข้อกังวลโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า ศบค. ได้กำหนดเงื่อนไขที่อาจทำให้ต้องยกเลิกโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่เกินกว่า 90 ราย/สัปดาห์ อีกทั้งลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล มีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ หรือระบาดในวงกว้าง หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้ และความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย มีผู้ติดเขื้อครองเตียงตั้งแต่ 80% ของศักยภาพจังหวัด รวมทั้งพบการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์แบบวงกว้าง ควบคุมไม่ได้
“หากเกิดเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้นขึ้น ศบค.จะมีมาตรการปรับเปลี่ยน 4 ระดับ ดังนี้ ปรับลดกิจกรรมSealed Route, Hotel Quarantine และทบทวนยุติภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ส่วนกรณีของเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า หากเกิดการระบาดจนเกินศักยภาพในการรองรับของโรงพยาบาลเกาะสมุย จะดำเนินการตามแผนบริหารความเสี่ยงที่วางไว้”
อย่างไรก็ตาม การเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานีนั้น เป็นการนำร่องเปิดพื้นที่เกาะเพื่อเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วันตามการประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยขยายไปพื้นที่ผืนแผ่นดิน ซึ่งมีเป้าหมายเปิดเมืองใน ก.ย. 2564 ในพื้นที่เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) ชลบุรี (พัทยา บางละมุง สัตหีบ) และ บุรีรัมย์ (อำเภอเมือง สนามช้างอารีนา) อีกทั้งกรุงเทพฯ ชะอำ หัวหิน เริ่ม ต.ค. 2564 (ไตรมาสสี่ : ตุลาคม – ธันวาคม 2564)
มาตรการสาธารณสุขสกัดโควิด
ส่วนมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อคุมการแพร่ระบาดโควิดนั้น นายอนุชา เปิดเผยว่าจังหวัดภูเก็ต จะได้ตั้งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการเปิดเมืองเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำหน้าที่บริหารจัดการควบคุมการเข้าออกภูเก็ตของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งที่เดินทางจากต่างประเทศและภายในประเทศ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาจนกระทั่งเดินทางออกจังหวัด
ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) มีระบบกำกับควบคุมในที่พัก ระบบควบคุมในการเดินทาง (Sealed Route) โดยที่พักและบริษัทนำเที่ยว ต้องคัดกรองด่านเข้า-ออกทางอากาศและทางเรือทั้ง 3 เกาะ โดยจะเริ่ม 15 ก.ค.2564
รวมทั้งการเตรียมความพร้อมประชาชน โดยจัดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีแผนการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเตรียมความพร้อมมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ภูเก็ตใช้ระบบ EOC และ อสม.รายตำบล แอปพลิเคชั่นหมอชนะ (ภาษาอังกฤษ) SHA+ALQ และ ปฏิบัติตามมาตรา D-M-H-T-T-A
นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ต ออกประกาศคำสั่ง ผ่อนคลายการปิดสถานที่ (เพิ่มเติม) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป ใจความในข้อ 3 ของคำสั่ง ระบุ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ให้มีการจำหน่ายและบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ จนถึงเวลา 23.00 น. แต่ต้องปฏิบัติตามรายละเอียดมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด แต่ผับ บาร์ ยังไม่เปิดให้บริการ
ขณะที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า มีคณะทำงานคัดกรองและเฝ้าระวัง สถานประกอบการมีใบรับรองแสดงภูมิคุ้มกันหมู่ ผู้ให้บริการที่ต้องสัมผัสตรงกับนักท่องเที่ยวจะต้องใส่ชุดป้องกันและรับการฉีดวัคซีนครบโดส SHA+ ALQ และ ปฏิบัติตามมาตรา D-M-H-T-T-A
ททท.โหมประชาสัมพันธ์
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ได้ร่วมกับกลุ่ม “คิง เพาเวอร์” และสโมสรฟุตบอล“เลสเตอร์ ซิตี้” สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโครงการ Phuket Sandbox โชว์ความสวยงามและความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและรองรับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา “Phuket is now open” ภายใต้แนวคิด “Amazing Thailand, Now even more Amazing”
โดยเชิญนักฟุตบอลสังกัดสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์เอฟเอ คัพ ปีล่าสุด จำนวน 3 คน คือ เจมส์ แมดดิสัน (James Maddison) ฮาร์วีย์ บาร์นส (Harvey Barnes) เคลิซี่ อิเฮียนาโช่ (Kelechi Iheanacho) มาร่วมบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจในรอยยิ้มของคนไทยและความตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิม ที่กำลังรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “Amazing Moments in Phuket”
อีกทั้ง ยังนำเสนอเรื่องราวด้วยการสื่อสารผ่านโปสต์การ์ด กระดาษแห่งความทรงจำที่ถ่ายทอดความคิดถึง รอยยิ้มของคนไทย และแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ด้วยกิจกรรมเชิงกีฬาที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาทิ การดำน้ำ กระดานโต้คลื่น การล่องเรือ การกระโดดร่ม (parachute) ไตรกีฬา รวมทั้งได้อยู่กับห้วงเวลาที่ประทับใจกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ การเดินชมย่านเมืองเก่า และลิ้มลองอาหารที่มีความหลากหลาย
ภาพยนตร์โฆษณาชุด “Amazing Moments in Phuket” นี้ได้ถูกเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง BBC World News, สถานีโทรทัศน์ Euro News, ช่องทางประชาสัมพันธ์ของ King Power, ช่องทางประชาสัมพันธ์ของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และช่องทางประชาสัมพันธ์ของ Dug out (บริษัทมีเดียเฉพาะด้านฟุตบอลระดับโลก) ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
โดยมีเป้าหมายสร้างการรับรู้จากสื่อออฟไลน์ต่างประเทศ 20 ล้านคน/ครั้ง และสื่อออนไลน์ต่างประเทศ 24 ล้านคน/ครั้ง และมุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเดินทางในเวลาอันใกล้ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียล กลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) กลุ่มครอบครัว และกลุ่มชาวต่างประเทศที่พำนักในประเทศไทยด้วย
ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.facebook.com/sammachiv